วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หลักไมล์



อีกไม่กี่วันจะมีคนเดินทางไกลจากเมืองไทยไปถึงนาโกย่า

“เราสองคน” เคยขับรถจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่

ใช้เวลาขับรถอย่างไม่รีบเร่งราว ๘ ชั่วโมง เป็นเวลาที่ไม่นานนัก

แต่ก็รู้สึกว่าไกลพอควรสำหรับคนข้าง ๆ ที่ไม่ค่อยเดินทางไกล

จึงไม่แปลกที่จะมีเสียงบ่นไปตลอดทาง

หิว อยากเข้าห้องน้ำ เมื่อย และ “เมื่อไหร่จะถึงเสียที”

การเดินทางเป็นเหมือนการค้นหาปรัชญาของชีวิต

ถึงจะไกลแค่ไหน แต่ก็ยังมีเป้าหมายที่จะไปให้ถึง
มีหลายวิธีการที่ทำให้ลืมเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายระหว่างทาง

คือ ให้รางวัลกับทุกหลักไมล์ที่การเดินทางผ่านไปถึง

ถึงอยุธยาแล้ว.....แวะกินกุ้งแม่น้ำสักหน่อยก็จะดี
ถึงนครสวรรค์...แวะซื้อขนมโมจิกลับไปฝากคุณพ่อ
ถึงพิษณุโลก...แวะไหว้พระพุทธชินราช เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต (ที่ยังเหลืออยู่)
ถึงลำปาง...ใช้เวลาเล็กน้อยสำหรับนั่งรถม้าชมเมือง

รางวัลของการเดินทางลักษณะนี้ วิธีคิดแบบนี้...

เชียงใหม่ก็เป็นแค่เป้าหมายสุดท้ายที่จะไปให้ถึง

จริงอยู่ !!! ชีวิตทุกคนมีเป้าหมายทีต้องพิชิต เพียงแค่อย่ามองเป้าหมาย

แล้วเหน็ดเหนื่อยกับมัน ทำให้ชีวิตให้สนุกกับทุกระยะทางที่เดินไปถึง

แล้วให้รางวัลกับตัวเอง

อีกไม่กี่วันจะมีคนเดินทางไกล....
ห้าชั่วโมงจาก กรุงเทพถึงญี่ปุ่นอาจไม่มีอะไรให้เก็บเกี่ยวระหว่างทาง

เพราะมองซ้ายก็คนเดินทาง มองขวาก็ท้องฟ้าและน้ำทะเล

สิ่งที่ฝากบอกไปก่อนขึ้นเครื่อง คือ

คนที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ก็เปรียบเหมือนกับการเดินทางผ่านจิตใจของตัวเอง

ความเงียบและการเดินทางเพียงลำพัง อาจจมีเวลาให้ค้นหาความต้องการของตัวเองได้

“แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่อยู่เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีตลอดกาล”


คิดเสียแบบนี้ทุกการเดินทางของชีวิตก็มีความหมาย.
ภาพประกอบบทความ ภาพถ่ายฝีมือ อ.วิโรจน์ จาก www.carabao2524.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น